ในปัจจุบันมีการปรับปรุงและพัฒนาด้านต่างๆมากมาย ซึ่งเป็นผลมาจากการศึกษาค้นคว้า
ทดลองประดิษฐ์คิดค้นสิ่งต่างๆ โดยอาศัยความคิด ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และคิดสร้างสรรค์หรือกรรมวิธีใหม่ๆ
ซึ่งต่างไปจากที่เคยปฏิบัติมาเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาในการปฏิบัติงานต่างๆ
ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงปรับปรุงวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น สำหรับการศึกษาก็เช่นเดียวกันต้องมีการปรับปรุงพัฒนาการตามยุคสมัย
ซึ่งได้มีการนำนวัตกรรมต่างๆเข้ามาช่วยในการจัดการเรียนการรู้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้ เช่น
คอมพิวเตอร์มัลติมิเดีย คอมพิวเตอร์ช่วยสอน บทเรียนแบบโปรแกรม ชุดการสอน เป็นต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการศึกษาซึ่งถือเป็นเครื่องมือสำคัญอย่างหนึ่งในการพัฒนาประเทศ เพราะการศึกษาจะทำให้พลเมืองมีความรู้ความสามารถก่อให้เกิดความเจริญก้าวหน้าแก่ตนเองและประเทศชาติได้ ดังนั้นจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ประชาชนทุกคนจะต้องได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง ซึ่งปัจจุบันพบว่าในหลายพื้นที่กำลังประสบปัญหาการขาดแคลนครู จึงได้มีการคิดค้นวิธีการแก้ปัญหาโดยรัฐบาลของประเทศเกาหลีใต้เล็งเห็นปัญหาและได้แก้ปัญหานี้โดยสร้างหุ่นยนต์ช่วยสอนขึ้นมา
รัฐบาลเกาหลีใต้ได้ให้เงินสนับสนุนนักวิจัยของสถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในกรุงโซลเพื่อนำไปพัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะเพื่อช่วยสอนภาษาอังกฤษแก่นักเรียนระดับประถม โดยหุ่นยนต์รูปไข่ทีมีล้อทำให้เคลื่อนที่ได้ ชื่อ Engkey นี้จะพูดภาษาอังกฤษเพื่อให้นักเรียนเปล่งเสียงตาม ทั้งยังสอนให้นักเรียนชั้นประถม 6 ร้องเพลงภาษาอังกฤษด้วย อย่างไรก็ตาม เสียงที่ออกมาจากหุ่นยนต์นี้ไม่ใช่ของหุ่นยนต์เอง แต่เป็นเสียงของครูสอนภาษาอังกฤษในฟิลิปปินส์ซึ่งเชื่อมต่อกับห้องเรียนทางระบบประชุมทางไกลหรือ teleconference โดยครูสอนภาษาในฟิลิปปินส์จะสามารถเห็นนักเรียนในชั้นทางจอภาพ แต่นักเรียนจะเห็นภาพครูผู้สอนที่เป็นสตรีผิวขาวทางจอ LCD บนหัวของหุ่นยนต์แทน
หุ่นยนต์อัจฉริยะ Engkey นี้ใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า perception technology ซึ่งช่วยให้สามารถเลียนพฤติกรรมของครูผู้เป็นมนุษย์ซึ่งให้เสียงจากอีกที่หนึ่งได้ เช่นเมื่อครูมนุษย์ยกแขนหรือหัวเราะหุ่นยนต์ก็จะยกแขนหรือหัวเราะตาม ผู้อำนวยการโครงการหุ่นยนต์อัจฉริยะบอกว่าเนื่องจากขณะนี้มีชาวเกาหลีใต้ต้องการเรียนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก แต่ไม่สามารถหาผู้สอนที่มีคุณภาพจากต่างประเทศได้พอ การใช้หุ่นยนต์แบบนี้จึงจะช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนครูรวมทั้งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้ด้วย เพราะต้นทุนในการสร้างหุ่นยนต์ Engkey และจ้างครูสอนภาษาอังกฤษในฟิลิปปินส์ เพื่อสอนภาษาผ่านระบบประชุมทางไกลนี้จะตกเพียงปีละราว 600,000 บาทต่อปี หรือราวครึ่งหนึ่งของการจ้างครูจากต่างประเทศไปสอนนักเรียนในเกาหลีใต้
แต่อาจารย์ Yu Do-hyun ผู้สอนวิชาภาษาอังกฤษที่มหาวิทยาลัย Kooknim ในเกาหลีใต้แย้งว่า การเรียนภาษาจากหุ่นยนต์จะทำให้นักเรียนขาดโอกาสการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนจริงที่เป็นมนุษย์ และเมื่อถึงเวลาที่จะต้องสนทนาก็จะทำให้ประหม่าหรือขาดความมั่นใจได้ เพราะไม่เคยฝึกฝนเรื่องนี้กับคนจริงๆ มาก่อน
อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าแม้หุ่นยนต์ช่วยสอนจะมีข้อดีอยู่มากมายทั้ง ช่วยกระตุ้นความสนใจของนักเรียน สร้างบรรกาศในการเรียนรู้ และไม่มีอารมโมโหเหมือนมนุษย์แต่ก็ยังมีข้อจำกัดอยู่ไม่น้อยตามที่อาจารย์ Yu Do-hyun บอกคือจะทำให้นักเรียนขาดโอกาสการมีปฏิสัมพันธ์กับผู้สอนจริงที่เป็นมนุษย์ หรือขาดความมั่นใจเมื่ออยู่ในสถานการณ์จริง หรือหากใช้หุ่นยนต์ช่วยสอนในการจัดการเรียนรู้เพียงอย่างเดียวเป็นระยะเวลานาน อาจทำให้นักเรียนเกิดความเบื่อหน่าย และขาดความสนใจในการเรียน ดังนั้นในการนำหุ่นยนต์อัจฉริยะไปใช้ในการจัดการเรียนการรู้ควรมีครูหรือผู้เชี่ยวชาญดูแลในชั้นเรียนด้วย และใช้วิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายโดยใช้หุ่นยนต์ช่วยเป็นส่วนหนึ่งในการจัดการเรียนรู้จะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้
อ้างอิงหุ่นยนต์ช่วยสอนเด็กนักเรียนเกาหลีใต้
http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROMFpXTXdNVEl5TURjMU13PT0=
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น